อาถรรพ์อาชีพหมอดู





อาถรรพ์อาชีพหมอดู

สวัสดีครับทุกคน ผมตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้เพราะปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์สามารถทำให้คนเข้าถึงการดูดวงได้ง่ายมาก การดูดวงระหว่างหมอดูและลูกดวงสามารถทำได้แม้อยู่ห่างกันคนละซีกโลก กติการะหว่างหมอดูกับลูกดวงก็เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิมเช่น

แชร์ 3 ครั้งดูฟรี
1 คอมเม้นต์ดูฟรี
ทายเลยถูกดูฟรี

และอื่นๆ อีกมากตามแต่ผู้เป็นหมอดูจะสรรหามา

ผมก็เป็นอีกคนที่เรียนศาสตร์การพยากรณ์และเป็นหมอดูเต็มตัวตั้งแต่อายุ 14 ปัจจุบันถึงจะอายุยังไม่เต็ม 21 ดีนักแต่ด้วยความที่ครูบาอาจารย์ที่สอนศาสตร์ดังกล่าวแก่ผมท่านยังยึดรูปแบบตามฉบับเดิมและยังคงยึดถือจาริยวัตรแห่งโหรไว้อย่างดี (ผมกล้ากล่าวได้เลยว่าผมเป็นศิษย์วังนาคีอุดรธานีได้เต็มปาก) ผมจึงได้เรียนรู้ศาสตร์นี้ตามลำดับขั้นตอน และมีข้อห้ามที่ยังคงยึดถือปฏิบัติตามจารีตเดิม ตัวอย่างเช่น

- ค่าครู ที่ต้องเก็บ 12 บาทเป็นขั้นต่ำทุกคน และค่ากำนลตามแต่จะตกลงกัน การเก็บค่าครูถือเป็นสิทธิ์ขาดของครู ไม่สามารถนำเงินส่วนนี้มาใช้ได้(ต้องนำไปทำบุญหรือซื้อของถวายเท่านั้น) ส่วนค่ากำนลจะเก็บเล็กเก็บน้อยก็ตามแต่จะเห็นสมควร แต่จำเป็นต้องเก็บ เพื่อไม่ให้เป็นบุญคุณต่อกัน ท่านมารับคำพยากรณ์ เราได้เงินสินจ้าง ถือว่าจบกันไม่มีกรรมร่วมกันอีก
- ห้ามทายเด็กในท้อง เพราะว่าสมัยก่อนยังมีค่านิยมการทำแท้งในกรณีที่ลูกที่เกิดมา(เชื่อว่า)จะเนรคุณ หรือเป็นคนบาปมาเกิด ในบางกรณีบางบ้านอยากได้เพียงลูกชาย หากรู้ว่าเป็นหญิงก็เอาออกเสีย จึงห้ามไม่ให้ดูลูกในท้อง
- ห้ามดูผัวเมียว่าจะอยู่หรือเลิก ข้อนี้ท่านว่าเหนือวิสัยของเรา ไม่ควรไปก้าวก่าย
- ห้ามดูคนป่วยว่าจะตายหรือรอด ข้อนี้ห้ามหนักมาก ถึงรู้ก็ห้ามทาย
- อุปกรณ์ดูดวง ไม่ว่าจะเป็นปากกา ดินสอ สมุด ตำรา กระดาน หรือแม้แต่ไพ่เช่นในปัจจุบัน ต้องเก็บรักษาไว้ที่อันควร ไม่ควรให้ผู้ใดจับสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะเชื่อว่าเคราะห์กรรมของคนที่มาดูอาจตกไปอยู่กับคนนั้น
- การจะเรียนศาสตร์การพยากรณ์ต้องรับขันครู ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ เพราะเชื่อว่าครูต้นวิชาจะได้คุ้มครองรักษาหมอดูให้ปลอดภัยจากเสนียดจัญไรต่างๆ ที่ติดมากับผู้มาดูดวง ในสายผมต้องตั้งขันบูชาครูทุกครั้งก่อนจะดูดวง

นอกจากนี้ยังมีข้อปฏิบัติยิบย่อยอีกมากมาย ทั้งที่เป็นความลับและเปิดเผยได้เช่นที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหมอดูตำราในปัจจุบันที่ศึกษาเองจากหนังสือที่ขายกันเกลื่อน โดยไม่มีครูบาอาจารย์จริงๆ คอยแนะนำ ก็ไม่สามารถที่จะรู้ถึงข้อปฏิบัติต่างๆ อย่างแน่นอน ทั้งนี้ผมไม่ได้ดูถูกผู้ที่ศึกษาจากตำราเพียงอย่างเดียว แต่ทุกอย่างมีทั้งบวกและลบ ดังนั้นจึงพึงระวังผลกระทบของมัน


ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับอาถรรพ์ของอาชีพหมอดูเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ซึ่งผมเห็นว่าสมควรจะนำมาเล่าให้ทุกท่านฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจอยู่บ้าง


เรื่องมีอยู่ว่าในช่วงวัยเด็ก ในขณะที่ผมพึ่งจะฝึกหัดดูดวงใหม่ๆ ตอนนั้นผมศึกษาเองจากหนังสือที่ซื้อมาตามแผงหนังสือทั่วไป (ผมเริ่มเรียนดูดวงปี 2554 รับขันครูปี 2556) ผมเริ่มศึกษาแล้วลองผิดลองถูก โดยใช้วิธีการรับจ้างดูดวงให้เพื่อนคำถามละ 5 บาท ตอนนั้นผมเริ่มที่จะทักเพื่อนที่มาดูตามที่ผมอ่านได้จากดวงด้วยคำทำนายที่รุนแรง เช่น จะเลิกกับแฟนในอาทิตย์นี้ จะประสบอุบัติเหตุภายในเดือนนี้ จะป่วยทันทีหลังจากวันนี้ ลักษณะเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นจริงตามคำทำนายก็ยิ่งทำให้ผมคึกคะนองมากขึ้น คนที่มาดูก็เล่ากันปากต่อปากกันไป จนมีคนแวะเวียนมาดูดวงคำถามละ 5 บาทกับผมไม่เว้นแต่ละวัน

อยู่มาวันหนึ่งมีผู้หญิงท่านหนึ่ง เป็นคนวัยทำงาน ไม่ทราบว่ารู้เรื่องดูดวงจากไหนมาดูดวงกับผมโดยให้เหตุผลว่า เธอนอนไม่หลับมาร่วมเดือน รักษากับหมอก็ไม่หายอยากมาดูดวงเผื่อเจอสาเหตุจะได้ดีขึ้น

ผมตกลงรับดูดวงให้เธอ เริ่มจากการให้เธอตั้งสมาธิ สับไพ่ แล้วอธิษฐานขอทราบความเป็นไปในชีวิต จากนั้นมก็กรีดไพ่ให้เธอเลือกหยิบมาจำนวน 3 ใบ(ตอนนั้นดูเป็นแค่ไพ่ทาโรต์ธรรมดา)
ไพ่สามใบที่ปรากฏได้แก่
-ไพ่ Judgement หรือไพ่วันพิพากษา
-ไพ่ 10 of swords หรือไพ่สิบดาบ
-ไพ่ Devil หรือไพ่ปีศาจ
ไพ่ทั้งหมดล้วนสื่อถึงความตาย ความมืดหม่น ความหลงผิด เวรกรรม การตัดสิน และเรื่องร้ายแรงต่างๆ มากมาย

ผมทายออกไปทันทีด้วยความคะนองปากของหมอดูฝึกหัดว่า "พี่กำลังถูกเจ้ากรรมนายเวรตามทัน เขาจะเอาชีวิตพี่"

ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีดขึ้นทันที พลันเหงือก็ตกเห็นเป็นเม็ดเด่นชัด "แล้วจะต้องแก้ยังไงบ้างคะ"

"ไม่ยากพี่ พี่ต้องไปถือศีลแปด นุ่งขาวห่มขาวอยู่ในวัด ไม่ต้องออกมาข้างนอกซักเดือน แล้วจะหาย"

หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ไปทำตามผมแนะนำจริงๆ และแน่นอนเธอไม่ได้รับอันตรายจากเจ้ากรรมนายเวร และอาการนอนไม่หลับของเธอก็ดีขึ้น จนเธอโทรมาขอบคุณผมอีกครั้ง

ตอนนั้นผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทายไป๔ูกต้องแน่นอน และที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ถูกเจ้ากรรมนายเวรตามมาเอาชีวิตก็เพราะผลของบุญปัจจุบันที่เธอทำ และผมก็คงได้บุญเพราะเป็นผู้แนะนำให้พี่เขาไปทำบุญทำกุศล

แต่เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดทั้งหมด

หลังจากนั้นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เพราะอาการนอนไม่หลับกลับมาเกิดกับผมแทน

นอกจากนั้นยังมีอาการหดหู่ เศร้าสร้อย น้อยใจคนอื่นไปทั้วทั้งเพื่อน พ่อแม่ และคนใกล้ชิด เรียกได้ว่าเข้าขั้นติดลบเลยก็ว่าได้

อาการดังกล่าวเกิดขึ้นกับผมอยู่ร่วมเดือน เป็นช่วงที่ทรมานที่สุดในชีวิต ความสุขเดียวในเวลานั้นมีอยู่แค่ช่วงที่ผมสวดมนต์ไหว้พระและภาวนาเท่านั้น

จนวันหนึ่งในขณะภาวนาจิตผมเกิดรวมเข้าเป็นหนึ่งกับคำบริกรรม ในขณะนั้นผมมองเห็นโต๊ะหมู่บูชาข้างหน้าผมทั้งที่ผมไม่ได้ลืมตาขึ้นมองแต่อย่างใด ใจขณะนั้นนึกสงสัยปนตื่นเต้นแต่ก็ยังไม่ได้ละคำภาวนา

ไม่นานนักผมมองเห็นผู้ชายแก่ๆ คนหนึ่ง แต่งกายไม่เหมือนคนปัจจุบัน แต่ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่อย่างใด ดูจะเป็นผู้ดีมีเงนเสียด้วยซ้ำ เขายืนอยู่ข้างหน้าผมเพียงไม่กี่คืบ

สีหน้า แววตา ท่าทางไม่ได้ดูประทุษร้ายใดๆ ตอนนั้นใจก็นึกสงสัยอยากรู้ว่าคนนี้เป็นใคร

"เราเป็นเจ้ากรรมนายเวรของนาง....(ที่มาดูดวง) เรามาเตือนท่านด้วยประสงค์ดี กรรมระหว่างเรากับนางยังไม่สิ้นสุด หากเพียงแต่กุศลกรรมปัจจุบันยกระดับใจนางขึ้นเท่านั้น วาระกรรมจึงร่นถอยออกไป เรามิได้อโหสิกรรมใดๆ กรรมนั้นจึงมีอยู่"

ตอนนั้นก็นึกสงสัยต่อว่า คนคนนี้มาอยู่กับเราได้ไง แต่ก็พอรู้ขึ้นมาบ้างว่าไปยุ่งกับกรรมคนอื่นเขาเข้า

"การที่ท่านมีอาการผิดปกตินั้น มิได้เกิดจากเราเป็นผู้กระทำ หากแต่เป็นวิบากกรรมของนาง....ที่ท่านต้องร่วมรับผิดชอบในฐนะเป็นผู้เปิดเผยกรรมของนาง หากท่านยังไม่เห็นโทษของการยุ่งเกี่ยวกับกรรมผู้อื่น ผลที่ตามมาย่อมไม่ส่งลดีต่อตัวท่าน เรามาเตื่อนท่านนี้ก็เพียงเพราะเคยสงเคราะห์กันมาบ้างในชาติก่อนๆ บัดนี้เราได้ทำกิจที่ควรกระทำแล้ว"

พูดจบแค่นี้ผู้ชายคนนั้นก็เดินออกไปจากห้องพระ หลังจากที่ผมถอนสมาธิออกมาถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองมันมีผลมาจากอะไร จึงได้ตั้งใจอธิษฐานขอขมากรรม หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้นโดยลำดับ

ทำให้ผมกลับมาคิดทบทวนว่า หากเจ้ากรรมนายเวรเขาไม่เคยมีกรรมดีร่วมกันกับผมแล้วเขาหันมาอาฆาตแค้นผมด้วย(ซึ่งเขามีสิทธิ์) ผลที่ตามมาคงแย่กว่านี้ และถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่เคยปฏิบัติภาวนามาก่อนหละ ก็จะไม่สามารถรู้เลยว่าตนเองเจอกับอะไรอยู่

เรื่องนี้ดูเหมือนเรื่องเพ้อฝันแต่เป็นเรื่องที่ผมเจอกับตัวจริงๆ แล้วแต่วิจารณญาณใครจะเชื่อไม่เชื่อนะครับ แต่ขอเตือนว่าอย่าดูดวงให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีครูบาอาจารย์จะดีกว่าครับ

#ชยาเป็นคนเล่า

ความคิดเห็น

  1. กำลังคิดจะศึกษาเป็นหมอดูควรจะศึกษาศาสตย์ใหนที่จะตรงกับเรา เคยลองดูไพ่ออราเคิลแต่คิดว่าไม่ตรงจริตเราค่ะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณนะค่ะที่มาบอกเล่าเรื่องราวดีๆให้ได้ฟังได้รับรู้ค่ะ

    ตอบลบ
  3. ผมเชื่อที่คุณเล่าให้ฟังครับ ผมก็เจอมาแล้วกับตัวเอง คล้ายๆ กับเจ้าของกระทู้ รบกวนบอกผมได้ไหมครับว่าผมต้องไปรับครูได้ที่ไหนบ้าง ขอบคุณครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผีนางอัปสรา ปราสาทขอม

เกล้านางนี เมาลีโพธิสัตว์