คุณไสยยาสั่ง






คุณไสยยาสั่ง
สวัสดีครับทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผมเจอมากับตัว มีพยานบุคคลที่อยู่ร่วมเหตุการณ์สามารถยืนยันได้ชัดเจน แต่ชื่อของตัวละครในเรื่องผมได้ทำการเปลี่ยนใช้ชื่อสมมติทั้งหมดเพราะผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ถ้าใช้ชื่อจริงอาจทำให้กระทบต่อชีวิตประจำวันเขาได้ จึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อสมมติเพื่อความเหมาะสมครับ
เรื่องนี้เกิดเมื่อ 3-4 ปีก่อน ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ ม.ปลาย คือช่วงที่ผมพึ่งจะศึกษาศาสตร์วิชากับครูบาอาจารย์ได้เพียงปี-สองปี คนที่รับรู้เรื่องของผมก็มีเพียงพ่อ แม่ และญาติใกล้ชิดเท่านั้น การรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรก และตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ยังถือว่าเป็นครั้งที่มีผลต่อผู้ถูกกระทำรุนแรงที่สุดด้วยครับ
เรื่องมีอยู่ว่า
.
.
.
พี่ต้อมเป็นญาติห่างๆ ของผม ซึ่งพ่อของผมกับแม่ของพี่ต้อมเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน (ปู่ผมเป็นพี่ชายของตาพี่ต้อม) ด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้กันผมจึงค่อนข้างสนทกับบ้านพี่ต้อมตั้งแต่เด็ก ซึ่งเรื่องที่ผมชอบเรียนรู้วิชานี้บ้านพี่ต้อมก็รับรู้ด้วย
พี่ต้อมมีแฟนสาวชื่อพี่ผึ้ง ทางบ้านพี่ต้อมค่อนข้างจะยากจนเพราะพ่อพี่ต้อมติดสุรา ทำให้ครอบครัวของพี่ผึ้งไม่ค่อยจะปลื้มเรื่องนี้นัก ออกจะกีดกันเสียจนออกนอกหน้าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะแม่ของพี่ผึ้งที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่เอาพี่ต้อมเป็นลูดเขยแน่ๆ
พี่ต้อมกับพี่ผึ้งจึงต้องแอบไปมาหาสู่กัน โดยมีเพียงผู้ใหญ่ฝ่ายพี่ต้อมรับรู้โดยพยายามหลบทางบ้านพี่ผึ้งที่จะคอยกีดกัน หนักเข้าถึงขั้นขังพี่ผึ้งไว้ในบ้านเพื่อไม่ให้เจอกับพี่ต้อม พอพี่ต้อมพยายามไปตามที่บ้านก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา ทั้งยังพูดจาดูถูกที่บ้านพี่ต้อมสารพัด
วันหนึ่งพี่ผึ้งแอบหนีมาหาพี่ต้อมที่บ้านตอนกลางคืน แม่พี่ผึ้งรู้เข้าถึงขั้นมาตามโวยวายถึงบ้านพี่ต้อมจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต วันรุ่งขึ้นทางบ้านพี่ต้อมจึงต้องยกกันไปเจรจากับแม่พี่ผึ้งถึงบ้าน ครั้งนี้ทางพี่ต้อมเอาคุณตามน ตาของพี่ต้อมที่อยู่บ้านหลังใหญ่(แม่พี่ต้อมแยกออกมาปลูกบ้านอยู่กับสามีในที่ของตามน)มาร่วมเจรจาด้วย ตามนเป็นคนที่ชาวบ้านเคารพนับถือแม่ของพี่ผึ้งจึงจำยอมให้ลูกสาวคบกับพี่ต้อมอย่างเปิดเผย โดยทางบ้านพี่ต้อมได้วางเงินหมั้นไว้จำนวนหนึ่ง และได้ขอพี่ผึ้งให้มาอยู่ที่บ้านด้วยกันเลย
หลังจากนั้นพี่ผึ้งก็ได้ย้ายเข้าบ้านพี่ต้อม โดยที่แม่ของพี่ผึ้งไม่ค่อยพอใจนัก ยังพยายามพาลูกไปโน่นนี่บ่อยๆ เพื่อให้พี่ผึ้งไม่มีเวลาอยู่กับพี่ต้อม
จนวันหนึ่งเวลาประมาณสองทุ่ม แม่พี่ต้อมโทรมาตามให้พ่อผมไปที่บ้านใหญ่ของตามน เพราะอยู่ดีๆ พี่ผึ้งก็มีอาการแปลกๆ จำใครไม่ได้ และเพ้อจะกลับไปหาแม่ของตนตลอดเวลา ซึ่งพี่ผึ้งไม่เคยบอกว่าอยากกลับบ้านของตนสักครั้ง แม่พี่ต้อมไม่รู้จะทำยังไงจึงพาพี่ผึ้งไปบ้านตามนที่มีคาถาอาคมอยู่พอตัว ตอนนั้นแม่พี่ต้อมเชื่อว่าพี่ผึ้งโดนของ
พอพ่อเล่าให้ฟังพ่อผมและแม่จึงรีบวิ่งไปบ้านตามน(บ้านอยู่ห่างกับบ้านผมสองหลัง) พอไปถึงก็เห็นตามนถือขันน้ำสแตนเลส ค่อยท่องบ่นคาถาพึมพำไม่หยุด โดยพี่ผึ้งนั่งอยู่ตรงหน้า มีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนในบ้านพี่ต้อม บ้านตามน บ้านผม รวมทั้งญาติๆ ที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันต่างมามุงดูพี่ผึ้ง ในจำนวนนั้นมีตาสุทธาอยู่ด้วย ตาสุทธาเป็นผู้เฒ่าแก่วิชาเป็นที่ยอมรับนับถือเช่นเดียวกับตามน และบ้านยังอยู่ข้างกันกับตามนอีกด้วย ทุกคนพยายามช่วยเรียกสติพี่ผึ้ง แต่พี่ผึ้งก็จำใครไม่ได้สักคนแม้แต่พี่ต้อม
ตาสุทธาและตามนเรียกให้ผมไปช่วยดูพี่ผึ้ง เพราะทั้งสองท่านรู้อยู่แล้วว่าผมมีวิชาอยู่บ้าง ผมพยายามตั้งสติแล้วเอามือแตะที่ตรงท้ายทอยพี่ผึ้งที่นั่งอยู่กับพื้น แล้วอาราธนาครูบาอาจารย์ให้ช่วยหาสาเหตุของอาการที่ี่ผึ้งเป็นอยู่ ภาพที่ผมเห็นคือหมอกสีเทาและเหลืองเหมือนควันกำมะถันปกคลุมพี่ผึ้งเต็มไปหมด และมีเสียงสวดภาษาเขมรคลออยู่ตลอด ตามนมองมาที่ผมแล้วบอกว่า "ฟังมันก่อนจะได้สวดแก้ถูก"
ผมจึงใช้ให้พ่อกลับบ้านไปเอาขอสับช้างที่ครูบาอาจารย์ผมลงอาคมไว้มาให้ ระหว่างนั้นตามนก็บริกรรมมนต์คาถาใส่น้ำมนต์แล้วคอยรดพี่ผึ้งอยู่ตลอดเพื่อระงับอาการเพ้อ ส่วนตาสุทธาก็จับมือพี่ผึ้งเอาไว้คอยดูว่าสิ่งที่อยู่ในตัวพี่ผึ้งวิ่งไปตรงไหนบ้าง
"มันยังไม่สู้"
ตาสุทธาบอกกับผม ตอนนั้นผมพยายามตั้งสติคุมจิตตัวเอง พลางสวดบทอัญเชิญครูบาอาจารย์ไปพลางๆ ด้วย จนพ่อผมกลับมาพร้อมขอสับช้างที่ผมใช้ประจำ
ตอนนั้นพ่อของพี่ผึ้งก็เข้ามาพอดี เพราะแม่พี่ต้อมโทรตาม(พ่อกับแม่พี่ผึ้งแยกทางกันและพ่อมีครอบครัวใหม่) พ่อพี่ผึ้งพยายามถามลูกสาวว่าเป็นอะไร แต่ปรากฏว่าพี่ผึ้งจำไม่ได้แม้แต่พ่อแท้ๆ ของตัวเอง พ่อพี่ผึ้งถึงกับน้ำตาตกเพราะเป็นห่วงลูก
"มันสู้แล้วๆ"
ตาสุทธาพูดขึ้นมาทำลายความเงียบและบรรยากาศอึมครึม ตามนรีบดึงขาพี่ผึ้งให้เหยียดออกและกันคนออกจากฝั่งปลายเท้าของพี่ผึ้ง ผมใช้ขอสับช้างจี้ไปตรงท้ายทอยพี่ผึ้งพร้อมทั้งสวดคาถาไล่ของ แล้วตะคอกใส่พี่ผึ้งจนสะดุ้งตัวโยน ตอนนั้นในหัวแวบเห็นไอควันพุ่งออกไปทางตะวันตก แล้วมีผู้หญิงร่างท้วมๆ ใส่ชุดขาวอยู่ปลายทางของควันที่พุ่งไป
ตามนรีบส่งด้ายสายสิญจน์ให้ตาสุทธาผูกข้อมือให้พี่ผึ้ง พี่ผึ้งเริ่มได้สติแล้วมองหน้าผู้คนที่มุงดูอยู่ ทุกคนเริ่มถามไถ่พี่ผึ้งซึ่งตอนนี้ยิ้มออกและสามารถไล่ชื่อคนในบ้านได้ทุกคน
พอทุกคนพักได้หายใจหายคอกันแล้วก็เริ่มถามว่าพี่ผึ้งไปโดนอะไรมา พี่ผึ้งเล่าว่าเมื่อตอนบ่ายแม่พี่ผึ้งมารับบอกจะพาไปดูดวงที่ต่างอำเภอ(อำเภอนี้อยู่ทางทิศตะวันตก) แล้วหมอดูผู้หญิงก็บอกว่าดวงไม่ดี ให้ดื่มน้ำมนต์ล้างเอาสิ่งไม่ดีออก พี่ผึ้งจึงรับมาดื่ม พอกลับบ้านมาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
ตามนจึงบอกว่าที่กินไปคือน้ำผสมยาสั่งที่สั่งให้คิดถึงแต่แม่ตนเอง คงเพราะแม่พี่ผึ้งไม่อยากให้คบกับพี่ต้อม และอยากได้พี่ผึ้งกลับบ้านด้วย พอเรื่องกระจ่างคนที่ดูจะโมโหที่สุดก็ดูจะเป็นพ่อของพี่ผึ้งเอง
หลังจากคืนนั้นก็ได้ข่าวว่าแม่พี่ต้อมพาพี่ผึ้งไปหาหมอไสยศาสตร์คนหนึ่งที่ญาติอีกคนแนะนำ และได้ทำการตัดสายสิญจน์ที่ตาสุทธาผูกไว้ออก เขาบอกว่าหมอคนนั้นถอนของให้พี่ผึ้งมีทั้งตะปู ทั้งเส้นผม ซึ่งผมไม่เห็นว่ามีในวันนั้น
พอเรื่องเริ่มเป็นขี้ปากคนแม่พี่ผึ้งก็มาโวยวายใหญ่โตว่าผมใส่ร้ายแกว่าทำของใส่ลูกตัวเองทั้งตะปูทั้งเส้นผม แต่วันนั้นผมไม่อยู่บ้าน ตาข้างบ้านผมจึงเถียงแทนพร้อมเล่าเรื่องยาสั่งที่ผมบอกให้แม่พี่ผึ้งฟัง แม่พี่ผึ้งเหรอหลากลับบ้านไปแล้วไม่ผ่านมาบ้านผมอีกเลย
เรื่องนี้ผ่านมาสามสี่ปีได้แล้วครับ หลังจ่กนั้นผมก็ไม่ได้ยุ่งกับเรื่องพี่ผึ้งอีกเพราะแม่พี่ต้อมพาพี่ผึ้งไปหาหมอคนนั้นตลอด จนตอนนี้พี่ผึ้งเลิกกับพี่ต้อมแล้วและกลับไปอยู่กับแม่ ส่วนตามนก็เสียเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เรื่องนี้ก็ไม่มีคนพูดถึงอีกแล้วครับ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผีนางอัปสรา ปราสาทขอม

อาถรรพ์อาชีพหมอดู

เกล้านางนี เมาลีโพธิสัตว์