พรานล่าช้าง




พรานล่าช้าง
สวัสดีครับทุกคน ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับผมโดยตรง แต่เป็นเรื่องที่คุณตาผมท่านเล่าให้ฟัง ซึ่งคุณตาก็ฟังอาของคุณตาเล่ามาอีกทีตั้งแต่สมัยคุณตาเป็นเด็ก ผมจึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องมากนักแต่เห็นว่าเรื่องน่าสนใจดีจึงอยากนำมาเล่าให้ได้อ่านกัน อ่านแล้วรบกวนคอมเม้นติชมเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
เรื่องนี้เกิดเมื่อประมาณ 50 กว่าปีก่อนครับ ตอนนั้นคุณตาผมอายุน่าจะยังไม่ถึง 10 ขวบดี บ้านเกิดคุณตาอยู่ที่ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภูครับ ก่อนจะแต่งงานกับคุณยายและได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคุณยายที่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ซึ่ง จ.หนองบัวลำภูในสมัยก่อนเป็นส่วนหนึ่งของ จ.อุดรธานี และในสมัยนั้นป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่หายากในปัจจุบัน ทั้งกวาง หมูป่า ชะมด รวมไปถึงสัตว์ใหญ่อย่าง เสือ หมี และช้างป่าครับ
บ้านของคุณตาประกอบอาชีพทำนาและเก็บของป่าเป็นหลักครับ โดยผู้ชายจะเป็นคนที่เข้าป่าเพื่อล่าสัตว์เพื่อนำมาประกอบอาหาร สมัยนั้นการค้าซากสัตว์ยังสามารถกระทำกันได้อย่างโจ่งแจ้ง รวมทั้งพื้นที่แถบนั้นยังอยู่ไกลหูไกลตากฏหมาย การล่าสัตว์ใหญ่เพื่อขายซากจึงเป็นเรื่องปกติทั่วไป
แต่ถึงกระนั้นการล่าสัตว์ใหญ่อย่างช้างก็ยังถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำกันบ่อยนัก เพราะช้างมีตัวขนาดใหญ่ หนังหนา และล้มยาก ปีๆ หนึ่งอาจมีการล้มช้างเพียงเชือกเดียว หรือไม่ก็ไม่มีการล่าเลยก็เป็นได้ ชาวบ้านจะอาศัยเก็บงากำจัดของช้างเพื่อมาขายเท่านั้น
*งากำจัดคืองาของช้างตัวผู้ที่หักหลุดออกมาเอง มักเกิดในช่วงที่ช้างกำลังตกมัน โดยเฉพาะช้างหนุ่มวัยกำลังคึก ตามความเชื่อเชื่อว่าเป็นเพราะเทวดาอารักษ์หมั่นไส้ช้างหนุ่มที่กำลังผยองเพราะตกมัน เลยจัดการหักงาให้ติดอยู่กับต้นไม้ ก้อนหิน หรือพื้นดิน เพื่อสั่งสอนและลดความดุร้ายของช้างลง ส่วนตัวช้างเมื่องาหักไปแล้วจะมีงากิ่งใหม่งอกออกมาทดแทน งากำจัดถือเป็นของทนสิทธิ์ชนิดหนึ่ง
การล่าช้างแต่ละครั้งจำเป็นต้องอาศัยพรานที่เชี่ยวชาญทั้งวิชาพงไพรและคาถาอาคม เพราะเชื่อว่าช้างเป็นสัตว์ใหญ่ มีตบะมาก ยากต่อการควบคุม เมื่อช้างตายไปแล้ววิญญาณก็จะอาฆาตและทำร้ายพรานที่ฆ่าตนได้ จึงต้องมีคาถาอาคมกำกับในการล่าช้างเสมอ
วิชาล่าช้างในที่นี้จะเป็นคนละรูปแบบกับครูปะกำของชาวกูย เพราะการล่านี้ไม่ได้ทำเพื่อนำช้างมาใช้งาน แต่เพื่อกำราบช้างให้อยู่ใต้อำนาจและป้องกันอาถรรพ์อันจะเกิดจากซากของช้างที่ล้มโดยฝีมือของพราน และคนที่เรียนวิชานี้คืออาของคุณตาเอง
อาของคุณตาเป็นคนที่มีชื่อเสียงเรื่องอาคมขลังในหมู่ชาวบ้านพอสมควร มีเรื่องเล่าแปลกๆ ของอาของคุณตาผมมากมาย เช่นการลองวิชาโดยการเสกมีดอีโต้แล้วโยนลงน้ำ ปรากฏว่ามีดอีโต้ทั้งด้ามลอยน้ำได้อย่างกับท่อนกล้วย
เรื่องเล่าอีกเรื่องที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ของอาของคุณตาท่านนี้คือเรื่องความสามารถในการล่าช้าง ซึ่งคือเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้และเพื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายขึ้นผมจะขอเรียกอาของคุณตาคนนี้ว่า ทวดหมี เพื่อจะได้เข้าใจเรื่องราวตรงกันนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่าทวดหมีได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าหาซากสัตว์ป่าว่าต้องการงาช้างจำนวน 1 คู่ ให้ค่าตอบแทนที่สูงมากถึงขนาดซื้อไร่ซื้อนาได้เป็นร้อยไร่ ทวดหมีตกปากรับคำที่จะหางาช้างให้นายหน้าคนนั้นโดยขอเวลา 1 ปี
หลังจากนั้นทวดหมีก็ได้สืบเสาะหาช้างที่มีงาลักษณะสวยงามและเสมอกันทั้งสองข้างเพื่อที่จะได้ทำการล่าและตัดงาไปขาย ไม่กี่เดือนต่อมาก็ได้ข่าวว่ามีช้างเชือกใหญ่ ขนาดโตเต็มวัย มีงางอนสวย มักจะลงเขามากินกล้วยบริเวณชายป่าเป็นประจำ ทวดหมีจึงได้นัดแนะกับพรรคพวกของตนเพื่อเตรียมตัวเข้าป่าล่าช้างงางอนเชือกนั้น
ทวดหมีเตรียมอุปกรณ์แค่เพียงคน 1 คนจะแบกไหวเท่านั้น ที่สำคัญและขาดไม่ได้เห็นจะเป็นปืนลูกซองใหญ่ยาววาครึ่ง พร้อมกระสุนที่ทำจากลูกตะกั่ว นอกจากนี้ยังมีมีดหมอ เลื่อยตัดไม้ และสายสิญจน์ม้วนใหญ่ๆ ติดย่ามไปด้วย
ก่อนจะเข้าป่าทุกคนต้องทำพิธีเบิกป่าเบิกไพร โดยมีการเซ่นไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาและระบุให้ชัดเจนว่าจะฃ่าอะไร จำนวนเท่าไหร่ เช่นจะล่ากวาง 1 ตัว เมื่อยิงกวางได้ 1 ตัวแล้วห้ามทำร้ายสัตว์อื่นอีกและต้องรีบออกจากป่าให้เร็วที่สุด หากฝ่าฝืนคำของตนจะถูกเจ้าป่าเจ้าเขาลงโทษเอาถึงชีวิต
เมื่อทำการบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ทวดหมีก็มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ชาวบ้านระบุว่าเจอช้างงางอนเชือกนั้น เมื่อถึงแล้วก็ทำการขัดห้างขึ้นบนต้นไม้ ทำพิธีกำกับคาถาอาคมแล้วขึ้นนั่งห้าง โดยเมื่อขึ้นห้างแล้วหากยังไม่สิ้นสุดการล่าห้ามลงห้างเด็ดขาด จะกินจะนอนจะถ่ายหนักถ่ายเบา ก็ต้องทำกันบนห้าง เพราะเกรงอันตรายจากป่า จนเวลาผ่านไปร่วมอาทิตย์ ช้างงางอนเชือกนั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะโผล่มาให้ล่าได้ง่ายๆ
เรื่องนี้คุณตาให้เหตุผลว่าเพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่ที่มีความรู้สึกเร็ว เมื่อมันได้กลิ่นคนในเขตของมันแล้วมันจะไม่ยอมออกมาง่ายๆ นอกจากมันจะหิวถึงขีดสุดจริงๆ ช้างเป็นสัตว์ฉลาดสามารถรู้ได้ว่ามีอันตรายมาถึงตน การล่าช้างจึงต้องใช้ความอดทนพยายามเป็นอย่างมาก
จนแล้วจนรอดช้างงางอนก็ทนต่อความหิวโหยไม่ไหว โผล่ร่างขนาดใหญ่ออกมาจากภูเขาและเข้าดงกล้วยป่าใกล้ๆ กับห้างของทวดหมี ทวดหมีกะระยะมั่นใจว่ากระสุนจะไม่พลาดเป้า โดยมีเป้าหมายที่ปลายงวงของช้างเชือกนั้น พร้อมกันพรานอีกหลายคนที่เล็งปลายกระบอกไปที่งวงของช้างเช่นกัน เชื่อกันว่าจุดอ่อนของช้างอยู่ที่งวง เพียงแค่มดไต่เข้ารูจมูกของช้างแล้วกัดโพรงผนังจากด้านในก็อาจทำให้ช้างตัวนั้นถึงกับล้มตายได้ เมื่อได้ระยะแล้วทุกคนก็พร้อมใจกันยิงปืนไปที่งวงช้างงางอนเชือกนั้นอย่างพร้อมเพียง
สิ่นเสียงปืนช้างเจ้าป่าก็กรีดร้องสุดเสียงดังก้องทั่วป่า มันพยายามวิ่งออกจากบริเวณดงกล้วยแล้วมาหยุดอยู่กลางลานหินกว้าง ก่อนจะล้มลงขาดใจตายตรงนั้น
ทวดหมีรอจนมั่นใจว่าช้างเชือกนั้นได้ล้มไปจริงๆ จึงลงจากห้าง แล้วใช้หมุดไม้ที่เตรียมมาด้วยปักรอบศพช้าง 4 ทิศ ห้างจากตัวช้างด้านละประมาณสามวา แฃ้วโยงสายสิญจน์รอบ ก่อนจะปักหมุนในบริเวณที่จะทำพิธีคือฝั่งหางช้าง โดยโยงสายสิญจน์รอบห่างจากวงสายสิญจน์ที่ล้อมศพช้างไว้อีกมากโข ก่อนจะให้ทถกคนที่ร่วมกันยิงช้างเข้ามาอยู่ในวงสายสิญจน์ทวดหมีเริ่มบริกรรมมนต์คาถาตัดไม้ข่มนาม สะกดวิญญาณช้าง ไม่กี่อึดใจท้องฟ้าในตอนกลางวันที่สว่างโล่งกลับมีเมฆดำมาปรกคลุม พร้อมทั้งพายุลมแรงที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่ เสียงหวีดหวิวเหมือนเสียงช้างร้องไม่มีผิด พายุลมแรงขึ้นเรื่อยแม้ไม่มีทีท่าว่าจะมีฝนตก ฝุ่นคละคลุ้งตลบอบอวล เสียงลมพัดผ่านใบไม้ยิ่งเหมือนเสียงโหยหวนคร่ำครวญ กว่าหนึ่งชั่วโมงที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดน่าขนลุกขนพอง ทั้งหมดสงบลงได้เมื่อทวดหมีให้พรานที่ไปด้วยใช้ตะปูขนาดใหญ่ตอกไปที่ปุ่มหางช้างแล้วใช้มีดหมอสับปลายหางที่ถูกตรึงให้ขาดออกจากตัว ก่อนจะรีบจุดไฟเผาปุ่มหางนั้นและใช้หินก้อนใหญ่มาทับหมุดตะปูนั้นเอาไว้ไม่ให้ใครมาขยับหมุดไปไหน
จากนั้นทุกคนจึงได้ช่วยกันแล่เนื้อเถือหนังช้างตัวใหญ่ ใช้เลื่อยตัดไม้ตัดเอางาคู่งอนใส่ย่ามกลับบ้าน ก่อนจะทิ้งซากช้างตัวใหญ่ไว้กลางลานหินกว้างในป่า
เรื่องนี้ไม่รู้ถึงบทสรุปหลังจากทุกคนกลับออกมาจากป่า รู้เพียงว่าทวดหมีได้ขายงาคู่นั้นให้นายหน้า แล้วได้เงินมาซื้อที่นาเป็นร้อยไร่ ก่อนจะกลายเป็นสวนยางพาราในปัจจุบัน ซึ่งก็ยังมีให้เห็นอยู่
ผมไม่รู้ว่าเนื้อช้างที่เอามานั้นมีรสชาติเป็นอย่างไรเพราะกว่าผมจะรู้ความคนที่เคยกินก็เสียไปหมดแล้ว มีเพียงคุณยายทวดแม่ของคุณตาผมที่ก่อนเสียแกเพ้ออยากกินนึ่งเนื้อช้างเท่านั้น แต่ผมในตอนนั้นก็ยังเล็กเกินกว่าจะสงสัยในรสชาติของเนื้อช้างที่ว่า
สุดท้ายนี้ผมอยากฝากไว้ว่าเรื้องนี้ผ่านมาเนิ่นนาน ซึ่งทวดหมีก็ได้เสียชีวิตไปร่วมหลายสิบปีแล้ว ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะด่าว่าประณามผู้กระทำผิด ขอให้เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าที่อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ต้องสืบเสาะหาสาเหตุและผลลัพธ์จะดีที่สุดครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม

#ชยาเป็นคนเล่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผีนางอัปสรา ปราสาทขอม

อาถรรพ์อาชีพหมอดู

เกล้านางนี เมาลีโพธิสัตว์